|
คลิกที่ภาพเพื่อขยาย | |
มะเร็งปากมดลูก สามารถแบ่งเป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 เซลล์มะเร็งจำกัดอยู่เฉพาะในบริเวณปากมดลูก ระยะที่ 2 เซลล์มะเร็งลุกลามไปบริเวณโดยรอบ เช่น ช่องคลอดส่วนบนเนื้อเยื่อที่อยู่ติดกับปากมดลูก ระยะที่ 3 เซลล์มะเร็งแพร่ไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง เช่น ช่องคลอดส่วนล่าง ต่อมน้ำเหลือง เนื้อเยื่อภายในอุ้งเชิงกราน ระยะที่ 4 เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังกระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ หรือออกนอกอุ้งเชิงกราน รวมทั้งปอด ตับ กระดูก การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การตรวจแปปเสมียร์ (Pap smear) แพทย์จะใช้ไม้พายเก็บเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูก ก่อนนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ เป็นวิธีที่ใช้มาเป็นเวลานาน ตินเพร็พ ( Pap Test) พัฒนามาจากการตรวจจากวิธีแปปเสมียร์ มีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น โดยเก็บเซลล์บริเวณปากมดลูกด้วยอุปกรณ์เฉพาะ จากนั้นใส่ลงในขวดน้ำยาตินแพร็พ ก่อนนำส่งเพื่อตรวจผลในห้องปฏิบัติการ การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบเจาะลึกถึงระดับ DNA ด้วย Thin Prep Plus Cervista HPV DNA Testing เป็นการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกร่วมกับตรวจดีเอ็นเอของเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ความสัมพันธ์กับการเป็นมะเร็งปากมดลูก ร่วมกับการเจาะลึกขึ้นว่ามีการติดเชื้อ HPV 16 และ HPV 18 หรือไม่ จะช่วยบอกความเสี่ยงต่อการมีรอยโรคแอบแฝงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ช่วงการตรวจที่ดีที่สุด คือ 10 วันตรงกลาง โดย 1 เดือนเราแบ่งเป็น 3 ช่วงๆ ละ 10 วัน วันแรกที่มีประจำเดือนนับเป็นวันที่1 และนับต่อไปวันที่ 11 หลังจากมีประจำเดือนวันแรก ถึงวันที่ 20 นั่นเอง ซึ่งค่าเบี่ยงเบนจะมีน้อย ถือเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด
ข่าว ณ. วันที่ 3 ก.ค. 2562 เวลา 14.40 น. โดย คุณ สุธาทิพย์ วะรังศรี
ผู้เข้าชม 402 ท่าน | |